เมื่อวานมีความเศร้าหลายอย่างเข้าแทรก คิดถึงแม่ ท้อแท้ต่อภาวะหลายๆอย่างในชีวิต นอนไม่หลับจนสว่างคาตา รุ่งเช้ารีบอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางไปดูสถานที่ที่จะใช้ถ่ายละครกฎแห่งกรรมจาก CaseStudy ในใจก็คิดถึงแต่ชีวิตที่เป็นอยู่มันจะยังไงต่อ เราจะต้องไม่อยู่ในสภาพนี้อีกแล้วนะ
เมื่อวันที่ 27 มค. 2560 ที่ผ่านมาผมจำได้ว่าวันนั้นผมวิ่งข้ามถนนจากร้านกาแฟหอมกรุ่นจะข้ามถนนไปเชอรี่มอล วิ่งไปถึงเกาะกลางถนน มีเสียงดังขึ้นมาจากฝั่งตรงข้าม "อาจารย์แก่น" แหงนหน้ามองไปตามต้นเสียงเห็นพระรูปหนึ่งที่ท่านใส่แว่นตายืนยิ้ม และเรียก "อาจารย์แก่น อาจารย์แก่น" ข้างๆท่านมีพระผิวเข้มยืนอยู่ ซ้อนหลังด้วยพระอีกรูปหนึ่งซึ่งมองไม่ค่อยชัดเจนดีนัก ขณะที่จะวิ่งข้ามไปฝั่งนั้นอยู่แล้วในใจก็คิดว่า น่าจะเป็นหลวงพี่ที่ท่านเดินทางมาจากวัดสาขา อาจจะให้เราช่วยไปส่งภายในวัด
แต่ขณะที่กำลังจะปรี่เข้าไปเพื่อยกมือไหว้ท่านใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงของหลวงพี่รูปเดิมบอกว่า "หลวงพ่อ" และภาพที่มาพร้อมกับเสียงนั้นก็คือ พระที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลวงพี่ผิวเข้ม นั่นก็คือ หลวงพ่อคุณครูไม่เล็ก ผมนี้แทบจะก้มตัวลงกราบบนพื้นถนนนั้นเลยทีเดียว
มีเสียงท่านดังขึ้นมาว่า "เอ้าๆๆระวังรถ" ผมวิ่งหลบรถเก๋งหลายคัน ตอนนั้นนึกไม่ออกเลยว่า รอดตายมาได้ยังไง เพราะที่พอจะจำภาพได้คือ มีรถพุ่งมาหาผมอยู่หลายคัน ทั้งที่มาจากตรงสี่แยกไฟแดงที่จะวิ่งเข้าประตูวัด เลี้ยวเข้าเชอรี่มอล์ ก็มี ที่กำลังจะออกจากเชอรี่มอล์ก็หลายคัน และที่จะยูเทินกลับตรงเกาะกลางถนนเพื่อเข้าเชอรี่มอล์ ใจผมจดจ่ออยู่แต่กับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ที่ใต้ต้นไม้นั้น ผมเอาร่างกายอันอ่อนล้าวิ่งข้ามถนนไปถึงจุดที่หลวงพี่เรียกชื่อผม แล้วก้มลงกราบหลวงพ่อคุณครูไม่เล็ก และหลวงพี่ทั้งสองรูป ผมยิ้มอย่างตื้นตันใจ ประโยคแรกที่ออกจากปากท่าน "เอ้อ เอ็งยังอยู่ดีนะ" ผมนี้แทบน้ำตาจะไหล "ยังอยู่รอดครับหลวงพ่อ แต่ก็เกือบตายครับ" "แล้วตอนนี้เอ็งทำอะไร" "วันอังคารกับวันพุธก็ไปสอนแอคติ้งให้เด็กๆตะวันชัยครับ มี 5 ห้อง ส่วนวันที่เหลือก็เอา CaseStudy ของ หลวงพ่อที่เล่าในโรงเรียนฝันในฝันมาอ่าน มาดูบ้างครับ ก็ตั้งแต่แม่เสีย ลูกก็ไม่ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมา 2 ปีเต็มๆแล้วครับ ไปสมัครตามที่ต่างๆเค้าก็ไม่รับ เขาบอกอายุเกิน เพราะผม 45 ปีแล้วอ้ะครับ"
ท่านขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ จากรอยยิ้มที่ฉายเต็มอยู่บนใบหน้าของท่าน ก็เริ่มเป็นความจริงจัง ในแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาของท่าน พร้อมกับคำถามที่ออกจากปากอย่างแผ่วเบา แต่ชัดเจนด้วยสองหูของเราว่า "เอ็งอยากทำอะไร" "ถ้าสิ่งที่ลูกอยากจะทำ ก็คือ นำเรื่องราวจาก CaseStudy ของหลวงพ่อมาทำเป็นละครกฎแห่งกรรมให้สำเร็จครับ ทำไปเรื่อยๆ ทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่ท่านได้เมตตาเล่าให้พวกเราฟังในโรงเรียนฝันในฝันเป็นพันๆเรื่องครับ" "เสร็จธรรมยาตราเองมาพบข้า เช็ควันกันอีกที นะเสร็จธรรมยาตราแล้วรีบมาพบข้า" พูดจบท่านก็มองเข้ามาในดวงตาผมอยู่ครู่นึงแล้วจึงเดินจากตรงนั้นไปพร้อมกับหลวงพี่ทั้งสองรูป
ผมก้มลงกราบกับพื้นสามครั้ง มองท่านเดินเข้าไปในวัดทั้งน้ำตา ยี่สิบกว่าปีตั้งแต่ผมเข้าวัดมา ทุกๆครั้งที่ผมต้องเจาะเจอช่วงเวลาอันเลวร้าย และแสนจะห่อเหี่ยวที่สุดในเวลานั้นๆ มันก็มักจะมีเหตุให้ผมได้พลังอันยิ่งใหญ่จากท่านมาโดยตลอด แค่รอยยิ้มไกลๆ มือที่ยกขึ้นมาทักทายลูกๆ หรือแม้แต่รถของท่านที่ขับแล่นผ่านจากไป สิ่งเหล่านี้จะวนเวียนมาเติมเต็มให้ชีวิตผมมีทางสว่าง และทางออกเช่นนี้ในทุกๆครั้ง....สุดเคารพรักและบูชาพระพ่อด้วยดวงใจ
แต่ขณะที่กำลังจะปรี่เข้าไปเพื่อยกมือไหว้ท่านใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงของหลวงพี่รูปเดิมบอกว่า "หลวงพ่อ" และภาพที่มาพร้อมกับเสียงนั้นก็คือ พระที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลวงพี่ผิวเข้ม นั่นก็คือ หลวงพ่อคุณครูไม่เล็ก ผมนี้แทบจะก้มตัวลงกราบบนพื้นถนนนั้นเลยทีเดียว
มีเสียงท่านดังขึ้นมาว่า "เอ้าๆๆระวังรถ" ผมวิ่งหลบรถเก๋งหลายคัน ตอนนั้นนึกไม่ออกเลยว่า รอดตายมาได้ยังไง เพราะที่พอจะจำภาพได้คือ มีรถพุ่งมาหาผมอยู่หลายคัน ทั้งที่มาจากตรงสี่แยกไฟแดงที่จะวิ่งเข้าประตูวัด เลี้ยวเข้าเชอรี่มอล์ ก็มี ที่กำลังจะออกจากเชอรี่มอล์ก็หลายคัน และที่จะยูเทินกลับตรงเกาะกลางถนนเพื่อเข้าเชอรี่มอล์ ใจผมจดจ่ออยู่แต่กับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ที่ใต้ต้นไม้นั้น ผมเอาร่างกายอันอ่อนล้าวิ่งข้ามถนนไปถึงจุดที่หลวงพี่เรียกชื่อผม แล้วก้มลงกราบหลวงพ่อคุณครูไม่เล็ก และหลวงพี่ทั้งสองรูป ผมยิ้มอย่างตื้นตันใจ ประโยคแรกที่ออกจากปากท่าน "เอ้อ เอ็งยังอยู่ดีนะ" ผมนี้แทบน้ำตาจะไหล "ยังอยู่รอดครับหลวงพ่อ แต่ก็เกือบตายครับ" "แล้วตอนนี้เอ็งทำอะไร" "วันอังคารกับวันพุธก็ไปสอนแอคติ้งให้เด็กๆตะวันชัยครับ มี 5 ห้อง ส่วนวันที่เหลือก็เอา CaseStudy ของ หลวงพ่อที่เล่าในโรงเรียนฝันในฝันมาอ่าน มาดูบ้างครับ ก็ตั้งแต่แม่เสีย ลูกก็ไม่ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวมา 2 ปีเต็มๆแล้วครับ ไปสมัครตามที่ต่างๆเค้าก็ไม่รับ เขาบอกอายุเกิน เพราะผม 45 ปีแล้วอ้ะครับ"
ท่านขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ จากรอยยิ้มที่ฉายเต็มอยู่บนใบหน้าของท่าน ก็เริ่มเป็นความจริงจัง ในแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาของท่าน พร้อมกับคำถามที่ออกจากปากอย่างแผ่วเบา แต่ชัดเจนด้วยสองหูของเราว่า "เอ็งอยากทำอะไร" "ถ้าสิ่งที่ลูกอยากจะทำ ก็คือ นำเรื่องราวจาก CaseStudy ของหลวงพ่อมาทำเป็นละครกฎแห่งกรรมให้สำเร็จครับ ทำไปเรื่อยๆ ทำให้ได้มากที่สุด เท่าที่ท่านได้เมตตาเล่าให้พวกเราฟังในโรงเรียนฝันในฝันเป็นพันๆเรื่องครับ" "เสร็จธรรมยาตราเองมาพบข้า เช็ควันกันอีกที นะเสร็จธรรมยาตราแล้วรีบมาพบข้า" พูดจบท่านก็มองเข้ามาในดวงตาผมอยู่ครู่นึงแล้วจึงเดินจากตรงนั้นไปพร้อมกับหลวงพี่ทั้งสองรูป
ผมก้มลงกราบกับพื้นสามครั้ง มองท่านเดินเข้าไปในวัดทั้งน้ำตา ยี่สิบกว่าปีตั้งแต่ผมเข้าวัดมา ทุกๆครั้งที่ผมต้องเจาะเจอช่วงเวลาอันเลวร้าย และแสนจะห่อเหี่ยวที่สุดในเวลานั้นๆ มันก็มักจะมีเหตุให้ผมได้พลังอันยิ่งใหญ่จากท่านมาโดยตลอด แค่รอยยิ้มไกลๆ มือที่ยกขึ้นมาทักทายลูกๆ หรือแม้แต่รถของท่านที่ขับแล่นผ่านจากไป สิ่งเหล่านี้จะวนเวียนมาเติมเต็มให้ชีวิตผมมีทางสว่าง และทางออกเช่นนี้ในทุกๆครั้ง....สุดเคารพรักและบูชาพระพ่อด้วยดวงใจ
Cr.อาจารย์แก่นเครางาม
กราบขอบพระคุณ
นักเขียนอิสระ : อาจารย์แก่นเครางาม